ข้าวฟ่าง (Millet Grass)


Millet Grass


Image result for ข้าวฟ่าง สมุทรโคดม

🔼ข้าวฟ่างสมุทรโคดม🔼

 ชื่อสามัญ : Negro Guinea Grass, Millet Grass, Sorghum เป็นต้น
 ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sorghum bicolor (L.) Moench (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Sorghum vulgare Pers.) จัดอยู่ในวงศ์หญ้า (POACEAE หรือ GRAMINEAE)
ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ : ข้าวฟ่างสมุทรโคดม (ชุมพร), ข้าวป้างนก ข้าวป้างหางช้าง (ภาคเหนือ), ข้าวป้างงก (ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ), ข้าวฟ่าง จังหันมะพุด สมุทรโคดม (ภาคกลาง), เข้าป้างหางช้าง มกโคดม มุทโคดม (ภาคใต้), จังหันมะพูด (ไทย), ดั่วป้าง (ม้ง), เพล่เส่อแบ เป่เส่อแบล (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), เกาเลี้ยง ฮวงซู่ (จีน) 
🔼ลักษณะของข้าวฟ่างสมุทรโคดม🔼
    ใบข้าวฟ่างสมุทรโคดม
  • ต้นข้าวฟ่างสมุทรโคดม จัดเป็นพรรณไม้จำพวกหญ้า ลำต้นมีลักษณะกลม สูงได้ประมาณ 3-4 เมตร ตามบริเวณข้อจะมีขนสั้นสีน้ำตาล ซึ่งมองเห็นได้ชัด ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด
  • ใบข้าวฟ่างสมุทรโคดม ใบออกสลับกัน ลักษณะของใบจะแคบเป็นเส้นยาวประมาณ 50 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 4 เซนติเมตร ปลายใบแหลมคม บริเวณท้องใบไม่มีขน แต่จะมีผงสีขาวนวล เส้นกลางใบจะแข็ง ส่วนขอบใบและหลังใบจะมีขนสั้น 
    ช่อรวงข้าวฟ่างสมุทรโคดม
  • ดอกข้าวฟ่างสมุทรโคดม ออกดอกเป็นช่อบริเวณปลายยอด มีความยาวประมาณ 30 เซนติเมต
  • ผลข้าวฟ่างสมุทรโคดม ผลมีลักษณะกลมเท่ากับเมล็ดพริกไทย โผล่พ้นออกมาจากเปลือก ผลแก่จะมีเนื้อแข็ง ผิวภายนอกผลเป็นมัน ส่วนเมล็ดจะเป็นสีน้ำตาลออกเทา และมีแป้งมาก

🔼สรรพคุณของข้าวฟ่างสมุทรโคดม🔼

  1. ใช้เมล็ดแห้งประมาณ 30-60 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน จะมีรสชุ่ม มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงและให้พลังงาน (เมล็ด)[1]
  2. ใช้เป็นยารักษาโรคประสาท ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ด้วยการใช้รากข้าวฟ่างสมุทรโคดมแ
  3. ใช้เป็นยารักษาอาการไอ หอบ ด้วยการใช้รากแห้งประมาณ 15 กรัม นำมาตุ๋นกับน้ำตาลแล้วใช้กรวดกิน (รากแห้ง)
  4. รากสดใช้ต้มกับน้ำกินตอนอุ่น ๆ เป็นยาแก้เจ็บกระเพาะอาหาร หรือเจ็บปวดบริเวณหน้าอก (รากสด)
  5. ใช้เป็นยารักษาโรคอหิวาตกโรค บิด ช่วยฝาดสมานลำไส้และกระเพาะอาหาร ด้วยการใช้เมล็ดแห้งประมาณ 30-60 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน (เมล็ด)
    เมล็ดข้าวฟ่างสมุทรโคดม
  1. ใช้รากแห้งประมาณ 15-30 กรัม ถ้าสดใช้ 30-60 กรัม นำมาต้มกับน้ำ จะมีรสชุ่ม มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการปวดกระเพาะอาหาร และช่วยห้ามโลหิต (ราก)
  2. ใช้รักษาระบบการย่อยอาหารไม่ดี ด้วยการใช้เมล็ดแห้งที่คัดเอาสิ่งเจือปนอื่น ๆ ทิ้งออกแล้ว นำมาคั่วจนเหลืองและมีกลิ่นหอม วางผึ่งให้เย็น ก่อนนำมากินควรบดประมาณครั้งละ 1.5-3 กรัม วันละ 3-4 ครั้ง ส่วนเด็กที่ระบบการย่อยอาหารไม่ดี ให้ใช้เมล็ดข้าวฟ่างสมุทรโคดมที่แห้งแล้วประมาณ 30 กรัม นำมาคั่วให้เหลืองและมีกลิ่นหอม และลูกพุทราคั่วจนเกรียมรวมกันบดเป็นผง ใช้กินวันละ 2 ครั้ง (เมล็ด)
  3. ใช้เป็นยาช่วยขับปัสสาวะ ด้วยการใช้เมล็ดแห้งประมาณ 30-60 กรัม หรือรากแห้งประมาณ 15-30 กรัม (ถ้ารากสดใช้ประมาณ 30-60 กรัม) นำมาต้มกับน้ำกิน (ราก, เมล็ด)
  4. สตรีคลอดบุตรยาก (ช่วยในการเร่งคลอดทารก) ให้ใช้รากข้าวฟ่างสมุทรโคดมที่แห้งในที่ร่ม นำมาเผาให้เป็นเถ้าและบดให้เป็นผง ใช้ผสมกับเหล้ารับประทานครั้งละ 6 กรัม (รากแห้ง)
  5. หากสตรีตกโลหิตหลังการคลอดบุตร ให้ใช้รากสดประมาณ 7 ต้น (ประมาณ 30-60 กรัม) ผสมกับน้ำตาลทรายแดงประมาณ 15 กรัม แล้วต้มกับน้ำกิน จะช่วยบรรเทาอาการตกเลือดลงได้ (รากสด)

🔼ประโยชน์ของข้าวฟ่างสมุทรโคดม🔼

  1. เมล็ดใช้เป็นอาหารสำหรับสัตว์
  2. เมล็ดอาจนำมาหมักกับเหล้า จะได้เหล้าที่มีกลิ่นหอม หรืออาจนำมาใช้หุงเป็นอาหาร หรือทำเป็นขนมด้วยการนำเมล็ดตากแห้งนำไปทอดให้พองแล้วใช้ทำเป็นขนม)
  3. เมล็ดที่นำมาคั่วให้พองแล้วสามารถนำมารับประทานได้ (คั่วกินเหมือนข้าวตอก) หรืออาจนำเมล็ดที่คั่วจนพองนี้ไปย้อมสีต่าง ๆ และทำเป็นดอกไม้เทียม

🔼ข้อห้ามในการใช้ข้าวฟ่างสมุทรโคดม🔼

  • สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิดนี้
  • เมล็ดที่มีเชื้อราจำพวก Rhizopus nigricans จะมีสารที่เป็นพิษ คือสาร alfatoxin เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ร่างกายเสียน้ำมาก กระหายน้ำ ปัสสาวะมาก และเป็นตะคริว

🔼วิธีเก็บรักษ🔼
ควรเก็บให้แห้งปิดให้มิดชิด ระวังไม่ให้เปียกชื้น ในอุณหภูมิปกติ 

ขอบคุณข้อมูลจาก 

http://www.xn--03camj5ak4hpc.com/2016/09/02/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9F%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87-%E0%B8%98%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84/
https://medthai.com/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9F%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%A1/

ความคิดเห็น